วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

2012

ติวฟิสิกส์

แม่เหล็ก


เมื่อนำแท่งแม่เหล็กไปดูดผงตะไบเหล็ก ผงตะไบเหล็กจะถูกดูดติดกับส่วนต่างๆ ของแท่งแม่เหล็ก และอยู่ใกล้ปลายแท่งแม่เหล็ก บริเวณดังกล่าวเรียกว่า ขั้วแม่เหล็ก

ถ้าใช้เชือกผูกกึ่งกลางแท่งแม่เหล็ก แล้วแขวนให้อยู่ในแนวราบอย่างอิสระ แท่งแม่เหล็กจะวางตัวในแนว เหนือใต้ขั้วแม่เหล็กที่ชี้ไปทางทิศเหนือเรียก ขั้วเหนือ และขั้วที่ชี้ไปทางทิศใต้ เรียก ขั้วใต้

สมบัติของแม่เหล็ก

1. ดูด หรือผลัก กับสารแม่เหล็กได้

2. เมื่อแขวนแท่งแม่เหล็กให้แก่วง (เคลื่อนที่ได้) อย่างอิสระ ขั้วแม่เหล็กจะวางตัว ในแนว เหนือ-ใต้เสมอ

3. แม่เหล็กขั้วเดียวกัน จะผลักกัน ขั้วแม่เหล็กตรงข้ามกันจะดูดกัน

วัตถุที่เป็นแม่เหล็กโดเมนแม่เหล็กจะเรียงตัวกันเป็นระเบียบ วัตถุที่ไม่เป็นแม่เหล็กโดเมนแม่เหล็กวางไม่เป็นระเบียบจนหักล้างกันหมด จึงไม่แสดงอำนาจแม่เหล็กกลับมา

เส้นแรงแม่เหล็ก เป็นเส้นแสดงทิศ ของสนามแม่เหล็กแต่ละจุด

ความหนาแน่นของฟลักซ์แม่เหล็ก () มีค่าเท่ากับ จำนวนเส้นแรงแม่เหล็ก ต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ที่เส้นแรงแม่เหล็กพุ่งผ่านในแนวตั้งฉาก เมื่อ : ความหนาแน่นของฟลักซ์แม่เหล็ก (เทสลา, ,T) :จำนวนเส้นแรงแม่เหล็กที่พุ่งผ่านพื้นผิวในแนวตั้งฉากหรือฟลักซ์แม่เหล็ก (Wb) A : พื้นที่ที่ฟลักซ์แม่เหล็กผ่าน () ในกรณีที่ทิศของสนามแม่เหล็ก ทำมุม q กับเวกเตอร์ที่ตั้งฉากกับพื้นที่รองรับ พิจารณาพื้นที่รองรับเล็กๆ ซึ่งมีสนามแม่เหล็กสม่ำเสมอ

พันธุกรรม

สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดล้วนก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง และสามารถถ่ายทอดเหล่านั้นไปยังลูกหลานได้ เรียกว่า ลักษณะทางพันธุกรรม (genetic character) ซึ่งจะมี ความแปรผันทางพันธุกรรม (genetic variation) เกิดขึ้น จึงก่อให้เกิดความหลากหลายทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้น

การศึกษาลักษณะทางพันธุกรรมสามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ

1. ลักษณะพันธุกรรมที่มีความแปรผันต่อเนื่อง (continuous variation) เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมด้วยยีนหลายคู่ (polygenes) โดยมีอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งลักษณะที่แสดงออกมาจะมีความแตกต่างกันทีละน้อยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถแยกออกเป็นกลุ่มได้อย่างชัดเจน เช่น สีผิว ส่วนสูง น้ำหนัก เป็นต้น

2. ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีความแปรผันไม่ต่อเนื่อง (discontinuous variation) เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยไม่มีอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นกลุ่มได้อย่างชัดเจน เช่น หมู่เลือด ABO การห่อลิ้นได้ ลักยิ้ม มีติ่งหู

เกี่ยวกับเมนเดล

เกรเกอร์ โยฮันน์ เมนเดล (Gregor Johann Mendel) ได้รับการยกย่องให้เป็น บิดาแห่งพันธุศาสตร์ เกิดเมื่อ ค.ศ.1822 ที่เมืองไฮเซนดอร์ฟ (Heinzendorf) ในครอบครัวการเกษตร เป็นนักบวชในคริสตจักร นิกายออกัสติน (Augustinian monastery) สนใจศึกษาทางด้านการผสมพันธุ์พืชโดยใช้หลักคณิตศาสตร์และสถิติมาวิเคราะห์เพื่อหาข้อสรุป โดยอิทธิพลของศาสตราจารย์สองท่านคือ คริสเตียน โดปป์เลอร์ (Christian Doppler) นักฟิสิกส์ และ ฟรานซ์ อูเงอ (Franz Unger) นักพฤกษศาสตร์

การศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล

ถั่วลันเตา (Pisum sativum) เป็นพืชที่เมนเดลได้เลือกมาศึกษา ด้วยเหตุผลหลายประการคือ

· เป็นพืชที่หาง่ายสะดวกในการเพาะปลูก

· เป็นพืชที่มีวงชีวิตสั้น

· มีการถ่ายละอองเรณูภายในดอกเดียวกัน (self pollination)

สามารถควบคุมการผสมพันธ์ได้ง่าย